มาลาเรียเป็นชื่อที่คุ้นเคยสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้น มาลาเรียเกิดจากการติดเชื้อของ Parasitic protozoa ชนิด Plasmodium ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ P. falciparum, P. vivax, P. ovale, P. malariae และ P. knowlesi การแพร่กระจายของมาลาเรียจะผ่านทางยุง Anopheles ที่เป็นพาหะ เมื่อยุงตัวเมียดูดเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ Plasmodium จะได้รับ parasite เข้าไปด้วย จากนั้นยุงก็จะนำ parasite ไปสู่คนอื่น ๆ
วัฏจักรชีวิตของมาลาเรีย: การผจญภัยในสองโลก
มาลาเรียเป็นโปรโตซัวที่มีวัฏจักรชีวิตที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลักๆ คือ:
1. ระยะในยุง (Sporogonic cycle):
- เมื่อยุง Anopheles ตัวเมียดูดเลือดจากผู้ติดเชื้อมาลาเรีย จะได้รับ gametocytes ของ Plasmodium เข้าไป
- ในกระเพาะของยุง gametocytes จะผสมกันเป็น zygote และพัฒนาร่างเป็น ookinete
- Ookinete จะเจาะผ่านผนังลำไส้ของยุงและ बनเป็น oocyst
- Oocyst จะแบ่งตัวและสร้าง sporozoites ซึ่งเป็น stage ที่ติดต่อได้
- Sporozoites จะอพยพไปยังต่อมน้ำลายของยุง
2. ระยะในมนุษย์ (Exoerythrocytic cycle และ Erythrocytic cycle):
-
เมื่อยุง Anopheles ตัวเมียที่ติดเชื้อ sporozoites ดูดเลือดมนุษย์ sporozoites จะถูกฉีดเข้าสู่กระแสเลือด
-
Sporozoites จะเดินทางไปยังตับและบุกรุกเซลล์ตับ (hepatocytes)
-
ในเซลล์ตับ sporozoites จะเจริญเติบโตและแบ่งตัวเป็น merozoites
-
Merozoites ออกจากเซลล์ตับและเข้าสู่กระแสเลือด
-
Merozoites จะบุกรุกเข้าไปในเม็ดเลือดแดง (red blood cells)
-
ในเม็ดเลือดแดง merozoites จะเจริญเติบโตและแบ่งตัวเป็น merozoites ตัวใหม่
-
Merozoites ตัวใหม่จะถูกปล่อยออกมาจากเม็ดเลือดแดง และบุกรุกเม็ดเลือดแดงอื่น ๆ ทำให้เกิดวัฏจักรซ้ำ
-
บางส่วนของ merozoites จะพัฒนาไปเป็น gametocytes ซึ่งสามารถถูกยุงดูดเข้าไปได้
อาการมาลาเรีย: จากไข้ต่ำถึงอาการรุนแรง
อาการของมาลา malaria ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของ Plasmodium และความรุนแรงของการติดเชื้อ
-
ไข้: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูงสลับไปมาระหว่างวันที่ 2-3
-
หนาวสั่น: เกิดขึ้นก่อนช่วงไข้
-
ปวดศีรษะ: อาจเป็นปวดตุบ ๆ หรือปวดรุนแรง
-
อ่อนเพลีย: ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและขาดพลังงาน
-
คลื่นไส้และอาเจียน: อาการนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีไข้สูง
-
ตัวเหลือง (Jaundice): เกิดจากการลายเม็ดเลือดแดงที่ถูกทำลายในจำนวนมาก
สายพันธุ์ P. falciparum เป็นชนิดที่รุนแรงที่สุด และสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โคมา, ปอดบวม, ไตวาย
การรักษาและป้องกันมาลาเรีย
การรักษามาลาเรียโดยทั่วไปใช้ยา antimalarial ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัด Plasmodium
การป้องกันมาลาเรียสามารถทำได้หลายวิธี เช่น:
-
หลีกเลี่ยงยุง:
- สวมเสื้อผ้าแขนยาวและกางเกงขายาวเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ใช้มุ้ง
- ทา repellant ยุง
-
กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง:
- ล้างอ่างเก็บน้ำ
- ขังขวดแก้ว
- บำบัดน้ำ
-
รับประทานยาป้องกันมาลาเรีย:
- ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาลาเรียควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับประทานยา prophylactic
-
ฉีดวัคซีน:
- วัคซีนมาลาเรียชนิด RTS,S/AS01 ได้รับอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสามารถป้องกันมาลาเรียได้ในระดับหนึ่ง
มาลาเรียเป็นโรคที่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในหลายประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้น การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของมาลาเรียจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ตารางเปรียบเทียบสายพันธุ์ Plasmodium ที่ทำให้เกิดมาลาเรีย
สายพันธุ์ | อาการ | วัฏจักรชีวิตในเม็ดเลือดแดง (วัน) |
---|---|---|
P. falciparum | ไข้สูง, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, คลื่นไส้, อาเจียน | 48 |
P. vivax | ไข้ต่ำ, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย | 48 |
| P. ovale | ไข้ต่ำ, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย | 48 | | P. malariae | ไข้ต่ำ, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย | 72 | | P. knowlesi | ไข้สูง, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย | 24 |